MTC เปิดงบ Q1/66 สินเชื่อคงค้าง 125,744 ล้านบาท พุ่ง 27.51%ลุยขยายสาขาเพิ่ม 600 แห่ง รองรับดีมานด์ลูกค้าทั่วไทยมั่นใจภายในปี 69 พอร์ตสินเชื่อทะลุ 2 แสนลบ. ตามแผน
บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) เปิดงบไตรมาส 1/66 รายได้แตะ 5,630 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.57% กำไรสุทธิ 1,070 ล้านบาท ฟากผู้บริหาร “ปริทัศน์ เพชรอำไพ”มั่นใจพอร์ตสินเชื่อปี 66 โต 20% ตามแผน ลุยเปิดสาขาเพิ่ม 600 แห่ง ภายในปีนี้ รวมเป็น 7,200 สาขาทั่วประเทศ รองรับความต้องการสินเชื่อทั่วไทย วางเป้าปี 69 พอร์ตสินเชื่อทะยานแตะ 2 แสนล้านบาท ตอกย้ำผู้นำธุรกิจสินเชื่อไมโครไฟแนนซ์ของไทย
นายปริทัศน์ เพชรอำไพ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (MTC) ผู้นำธุรกิจสินเชื่อไมโครไฟแนนซ์ของไทย เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในไตรมาส 1/66 บริษัทฯและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 5,630 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 26.57% มีกำไรสุทธิ1,070 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากยอดสินเชื่อคงค้างที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และในไตรมาสแรกของปีนี้ ได้สร้างสถิติสูงสุดใหม่ โดยมีสินเชื่อคงค้างกว่า 125,744 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27,132 ล้านบาท หรือ 27.51% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปีบริษัทฯมีการเปิดสาขาใหม่เพิ่มจำนวน 294 สาขา ส่งผลให้มีสาขา 6,962 สาขา โดยในปีนี้วางแผนเปิดสาขาใหม่เพิ่ม 600 สาขา เมื่อรวมกับสาขาเดิมที่มีอยู่จะทำให้ภายในสิ้นปีนี้จะมีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 7,200 สาขา รองรับความต้องการสินเชื่อของลูกค้าทั่วประเทศ
“แผนการดำเนินงานในปีนี้ MTC ตั้งเป้าหมายพอร์ตสินเชื่อเติบโต 20% พร้อมเดินหน้าพัฒนาศักยภาพของพนักงาน เพื่อส่งมอบการบริการที่ดีแก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เพิ่มประสิทธิผลโครงการคลินิกแก้หนี้ที่มีอยู่ เพื่อให้คำปรึกษาและสร้างวัฒนธรรมทางการเงินที่ดี รวมถึงจัดทำแผนการบริหารหนี้เสีย และติดตามหนี้อย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น”
รองกรรมการผู้จัดการ MTC กล่าวอีกว่า เพื่อเป็นการรองรับแผนการปล่อยสินเชื่อในปี 2566 ที่คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% เทียบปีที่ผ่านมา บริษัทฯเตรียมออกหุ้นกู้วงเงินประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนสินเชื่อทั้งจากสถาบันการเงินในประเทศไทย และสถาบันการเงินในต่างประเทศอีกด้วย เพื่อไปสู่เป้าหมายภายในปี 2569 พอร์ตสินเชื่อแตะที่ระดับ 2 แสนล้านบาท โดยเน้นการทำตลาดกับลูกค้าเดิมที่มีประวัติการชำระหนี้ดี และการรุกขยายฐานลูกค้าใหม่ที่มีความต้องการใช้บริการสินเชื่อมากขึ้น สนับสนุนธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต